Page 65 - คาดการณ์พื้นที่เกษตรเสี่ยงภัยแล้งปี2558
P. 65
56
วิภพ (2549) ไดศึกษาการประยุกตใชขอมูลดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเพื่อ
วิเคราะหหาพื้นที่เสี่ยงตอความแหงแลงทางกายภาพของดินในอําเภอบานดานลานหอย จังหวัดสุโขทัย โดย
การประยุกตใชดาวเทียมเพื่อสรางขอมูลตัวแปรเชิงพื้นที่และใชประกอบในการกําหนดพื้นที่เสี่ยงตอความแหง
แลง ไดแกขอมูลการใชประโยชนจากที่ดิน ขอมูลการคายระเหยน้ํา ขอมูลระยะหางจากแหลงน้ํา และการ
ประยุกตใชระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเปนเครื่องมือในการจําลองขอมูลตัวแปรเชิงพื้นที่ ไดแก ปริมาณน้ําฝน
จํานวนวันที่ฝนตก ความชื้นสัมพันธ อุณหภูมิอากาศ การคายระเหยน้ํา ศักยภาพของชั้นหินในน้ําของดิน
ระยะหางแหลงน้ําผิวดิน ความลาดชัน ความสูงต่ําของพื้นที่ และความสามารถการระบายน้ําของดิน จาก
การศึกษาพบวาตัวแปรดานกายภาพที่สําคัญและเปนสาเหตุการเกิดความแหงแลงคือ การระบายน้ําของดิน
ระดับดี ปริมาณน้ําฝนเฉลี่ย และการคายระเหยน้ํา โดยเฉพาะอยางยิ่งการระบายน้ําของดินระดับดีเปนตัวแปร
ที่สําคัญที่สุดในการกําหนดพื้นที่เสี่ยงตอความแหงแลง และเมื่อศึกษาเปรียบเทียบการกําหนดพื้นที่เสี่ยงตอ
ความแหงแลงของทั้งสองวิธี พบวาการกําหนดคาคะแนนความแหงแลงมาตรฐานของทั้งสองวิธีการไมมีความ
แตกตางกันที่ระดับนัยสําคัญ 0.05 และตรวจสอบความถูกตองของแผนที่การกําหนดพื้นที่เสี่ยงตอความแหง
แลงโดยวิธีระบบผูเชี่ยวชาญและวิธีสถิติวิเคราะหการถดถอยพหุคูณและการสํารวจภาคสนาม พบวามีความ
ถูกตองโดยรวมเทากับรอยละ60 และ 66 ตามลําดับ
รัศมี (2550) ไดศึกษาแนวทางการวิเคราะหความแหงแลงดวยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
กรณีพื้นที่ศึกษาลุมน้ําเชิญ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อวิเคราะหปจจัยและเกณฑของปจจัยที่กอใหเกิดความแหง
แลงและ สรางแบบจําลองเชิงพื้นที่เสี่ยงภัยแลงรวมทั้งเปรียบเทียบวิธีการวิเคราะหพื้นที่เสี่ยงภัยแบบเมทริกซ
ดัชนีและมัลติเลเยอร โดยใชระบบสารสนเทศภูมิศาสตร โดยกําหนดปจจัยที่ใชเปน 3 กลุมคือ ปจจัยวินิจฉัยภัย
แลงเชิงอุตุนิยมวิทยาไดแก ปริมาณน้ําฝนเฉลี่ยรายป ปจจัยวินิจฉัยภัยแลงเชิงอุทก ไดแก พื้นที่ชลประทานและ
แหลงน้ําผิวดิน ความหนาแนนของการระบายน้ําและน้ําใตดิน ปจจัยวินิจฉัยภัยแลงเชิงกายภาพ ไดแกความ
ลาดชัน การระบายน้ําของดิน และการใชประโยชนที่ดิน โดยจําแนกระดับความเสี่ยงภัยแลงเปน 4 ระดับ คือ
ระดับความเสี่ยงมาก ปานกลาง นอย และนอยมาก ผลการศึกษาพบวาการวิเคราะหพื้นที่เสี่ยงภัยแลงดวยวิธี
เมทริกซ ผูวิเคราะหสามารถใชความรูความชํานาญประสบการณเขามามีสวนรวมในการตัดสินใจ จะใหความ
ถูกตองมากกวาใชวิธีการวิเคราะหโดยสมการทางคณิตศาสตร และเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร จะสามารถ
จําลองพื้นที่เสี่ยงภัยแลงไดอยางมีประสิทธิภาพหากมีการปรับปรุงขอมูลใหทันเหตุการณและมีองคความรูใหม
อยูเสมอ
ประวิทย (2553) ไดศึกษาเรื่องการวิเคราะหความเสี่ยงตอความแหงแลงในพื้นที่อําเภอ
กําแพงแสน จังหวัดนครปฐม รวมทั้งหาสมการความสัมพันธระหวางปจจัยที่ใชในการศึกษากับความเสี่ยงตอ
ความแหงแลง โดยมีปจจัยที่เกี่ยวของกับความแหงแลงไดแก ปจจัยที่เกี่ยวกับ ลักษณะทางธรรมชาติ คือ
ปริมาณน้ําฝนตอป,ปริมาณน้ําบาดาล,ลักษณะเนื้อดิน และการระบายน้ําของดิน ปจจัยที่เกี่ยวของกับลักษณะ
ทางกายภาพที่มนุษยสรางขึ้น ไดแก คลองชลประทาน และการใชประโยชนจากที่ดิน โดยกําหนดให
ผูเชี่ยวชาญจากหนวยงานภาครัฐที่เกี่ยวของจํานวน 17 คน ใหคะแนนความสําคัญ ( Weighting)และคา
น้ําหนักระดับปจจัย (Rating) ทําการศึกษาความสัมพันธระหวางความเสี่ยง ตอความแหงแลงกับปจจัยที่มี
อิทธิพลตอ ความเสี่ยงตอความแหงแลงดวยวิธีการวิเคราะหถดถอยเชิงเสน(Linear Regression Analysis) ที่
ระดับความเชื่อมั่นรอยละ 95 และวิเคราะหความเสี่ยงตอ ความแหงแลงในพื้นที่โดยการประยุกตใชระบบ
สารสนเทศภูมิศาสตร (Geographic Information System)ผลการศึกษาปจจัยที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงตอ
ความแหงแลงในพื้นที่ศึกษาพบวา ปจจัยที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงตอความแหงแลงในพื้นที่อยางมีนัยสําคัญทาง
สถิติที่ระดับความเชื่อมั่นรอยละ 95 มากที่สุดคือ การระบายน้ําของดิน โดยมีคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ