Page 25 - น้ำท่วมซ้ำซาก 7 จังหวัดภาคเหนือ ปรับปรุงปี2557
P. 25

15


                                          - มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Monsoon) มรสุมนี้ก่อให้เกิดอุทกภัยได้

               เนื่องมาจากเมื่อพัดจากมหาสมุทรอินเดียปะทะขอบฝั่งตะวันตกของภาคใต้ และเมื่อผ่านอ่าวไทยแล้วจะปะทะ
               ขอบฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย  มรสุมนี้เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม และสิ้นสุดลงตอนต้นเดือนตุลาคม

               ในระยะเมื่อมรสุมตะวันตกเฉียงใต้แรงจัด ความเร็วของลมอาจจะสูงถึง 30  น๊อต  เป็นระยะเวลาหลายๆ วัน

               คลื่นทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้ใหญ่มาก  เนื่องจากลมแรงจัดประการหนึ่งอีกประการหนึ่งอ่าวเบงกอลและ
               มหาสมุทรอินเดีย มีช่วงระยะที่ลมเคลื่อนที่ไกลมาก คลื่นและลมจึงพัดพาน้ําทะเลในอ่าวเบงกอลมาสะสมทาง

               ขอบฝั่งตะวันตกของภาคใต้ตลอดฝั่ง ทําให้ระดับน้ําในทะเลตามขอบฝั่งสูงขึ้นมากจากระดับน้ําทะเลปานกลาง
               ในฤดูนี้และในระยะเดียวกัน  ถ้าเกิดพายุดีเปรสชันขึ้นในอ่าวเบงกอลทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้  จากความ

               กดอากาศต่ําในบริเวณพายุและจากฝนที่ตกหนักบนภูเขาและชายฝั่งรวมเข้าด้วยกันแล้ว จะทําให้เกิดระดับน้ํา
               ในทะเลและแม่น้ําสูงจนเป็นน้ําท่วมและเกิดอันตรายได้

                                          - มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast monsoon) เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน

               ตุลาคมถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์  ตั้งต้นพัดจากประเทศจีนและไซบีเรียผ่านทะเลจีนใต้ปะทะขอบฝั่งเวียดนาม
               ส่วนที่หลุดจากปลายแหลมอินโดจีนจะพัดผ่านอ่าวไทยตอนใต้ปะทะขอบฝั่งตะวันออกของภาคใต้  หรือฝั่ง

               ตะวันตกของอ่าวไทยตั้งแต่ใต้สงขลาลงไป มรสุมนี้มีกําลังแรงจัดเป็นคราวๆ  เมื่อบริเวณความกดอากาศสูง

               ในประเทศจีนมีกําลังแรงขึ้น ลมในทะเลจีนใต้มีความเร็วถึง 30-35 น๊อต ( 52 กม. ถึง 64 กม.) แต่เนื่องด้วย
               มรสุมนี้ปะทะขอบฝั่งเวียดนามเป็นส่วนใหญ่  จึงทําให้ลมมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาในอ่าวนั้น มีช่วงระยะที่ลม

               เคลื่อนที่ไม่ได้ไกล  จึงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากเป็นแต่เพียงคลื่นค่อนข้างใหญ่และระดับน้ําสูงกว่า
               ปกติแต่ก็ไม่สูงมากนัก ลมที่พัดแหลมญวนและทางใต้ลงไปจะทําให้เกิดผลทางขอบชายฝั่งตะวันออกของภาคใต้

               ตั้งแต่ใต้สงขลาลงไปได้มากเช่นเดียวกัน คือ ทําให้เกิดคลื่นใหญ่มาก  และระดับน้ําสูงจากปกติมากจนอาจ
               จะเกิดเป็นน้ําท่วมได้

                              3.3.1.2 น้ําจากแหล่งเก็บกักน้ําหรือระบบควบคุม (Control System) เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ํา
               ประตูระบายน้ํา ฝายทดน้ํา ฯลฯ โดยสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทําให้น้ําท่วมคือ (1) การระบายน้ําส่วนเกินในปริมาณ

               มากทิ้งออกไปเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยต่อแหล่งเก็บกักน้ําดังกล่าว กรณีนี้จะทําให้เกิดน้ําท่วมพื้นที่ลุ่ม
               สองฝั่งลําน้ําด้านท้ายน้ําในลักษณะค่อย ๆ ท่วม และ (2) น้ําท่วมอันเกิดจากการวิบัติของระบบควบคุมดังกล่าว
               เช่น เขื่อนพัง อ่างเก็บน้ําแตก ประตูระบายน้ําไม่อาจทําหน้าที่ได้ กรณีนี้จะก่อให้เกิดน้ําหลาก มีความรุนแรง
               มากกว่าน้ําป่าและความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มากกว่าเช่นกัน

                              3.3.1.3  น้ําท่วมจากน้ําทะเลหนุน เกิดในพื้นที่อยู่ติดทะเล ลักษณะการท่วมเกิดจาก
               ระดับน้ําทะเลยกตัวสูงในช่วงน้ําขึ้นแล้วท่วมพื้นที่โดยตรงกับน้ําทะเลไหลย้อนเข้าสู่ลําน้ํา เพิ่มระดับน้ําในลําน้ํา
               ที่ระบายน้ําจากลุ่มน้ําตอนบนขึ้นไปสูงขึ้นจนเอ่อออกท่วมพื้นที่สองฝั่ง และเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ํา
               ของพื้นที่ลุ่มน้ําตอนบนดังกล่าวซึ่งหากเกิดน้ําท่วมในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้วน้ําก็จะยิ่งท่วมนานยิ่งขึ้น

               3.4 อันตรายและความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัย
                                   -    น้ําท่วมอาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างและสาธารณสถาน  ซึ่งจะทําให้เกิด
               ความเสียหาย ทางเศรษฐกิจอย่างมาก บ้านเรือนหรืออาคารสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงจะถูกกระแสน้ําที่ไหล

               เชี่ยวพัดพังทลายได้ คน สัตว์ พาหนะและสัตว์เลี้ยงอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตจากการจมน้ําตาย
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30