Page 53 - Management_agricultural_drought_2561
P. 53
46
ประวิทย (2553) ไดศึกษาเรื่องการวิเคราะหความเสี่ยงตอความแหงแลงในพื้นที่อําเภอ
กําแพงแสน จังหวัดนครปฐม รวมทั้งหาสมการความสัมพันธระหวางปจจัยที่ใชในการศึกษากับความเสี่ยงตอ
ความแหงแลง โดยมีปจจัยที่เกี่ยวของกับความแหงแลงไดแก ปจจัยที่เกี่ยวกับ ลักษณะทางธรรมชาติ คือ
ปริมาณน้ําฝนตอป,ปริมาณน้ําบาดาล,ลักษณะเนื้อดิน และการระบายน้ําของดิน ปจจัยที่เกี่ยวของกับลักษณะ
ทางกายภาพที่มนุษยสรางขึ้น ไดแก คลองชลประทาน และการใชประโยชนจากที่ดิน โดยกําหนดให
ผูเชี่ยวชาญจากหนวยงานภาครัฐที่เกี่ยวของจานวน 17 คน ใหคะแนนความสําคัญ ( Weighting)และคา
น้ําหนักระดับปจจัย (Rating) ทําการศึกษาความสัมพันธระหวางความเสี่ยง ตอความแหงแลงกับปจจัยที่มี
อิทธิพลตอ ความเสี่ยงตอความแหงแลงดวยวิธีการวิเคราะหถดถอยเชิงเสน(Linear Regression Analysis) ที่
ระดับความเชื่อมั่นรอยละ 95 และวิเคราะหความเสี่ยงตอ ความแหงแลงในพื้นที่โดยการประยุกตใชระบบ
สารสนเทศภูมิศาสตร (Geographic Information System)ผลการศึกษาปจจัยที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงตอ
ความแหงแลงในพื้นที่ศึกษาพบวา ปจจัยที่มีอิทธิพลตอความเสี่ยงตอความแหงแลงในพื้นที่อยางมีนัยสําคัญทาง
สถิติที่ระดับความเชื่อมั่นรอยละ 95 มากที่สุดคือ การระบายน้ําของดิน โดยมีคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ
0.911 รองลงมาคือลักษณะเนื้อดิน ซึ่งมีคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ 0.852 สาหรับปจจัยอื่นๆ ที่ใชใน
การศึกษามีคาความสัมพันธไมแตกตางกัน และผลการศึกษา ความเสี่ยงตอความแหงแลง
3.3.2 งานวิจัยเกี่ยวกับการประเมินความแหงแลง
อภิรัฐ และ บัญชา (2544) ไดประเมินความแหงแลงดวยดัชนีความแหงแลงโดยระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตรในลุมน้ําแมกลอง ขอมูลที่นํามาวิเคราะหคือ ปริมาณน้ําฝนรายวัน จํานวนวันที่ฝนตก จํานวนวันที่
ฝนทิ้งชวงสูงสุดรายป และการใชที่ดิน ดัชนีความแหงแลงรายป ที่เลือกใช คือ decile range ดัชนีความแหง
แลงรายเดือน generalized monsoon index (GMI) และ aridity index จากการศึกษาสามารถระบุไดวา
เขตที่มีสภาวะฝนแลงที่สุด คือ ลุมน้ํายอยลําตะเพิน
ชาญชัย และคณะ (2545) ไดกําหนดบริเวณพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดความแหงแลงในลุมน้ําทะเลสาบ
สงขลา โดยใชระบบสารสนเทศภูมิศาสตรและเทคโนโลยีการสํารวจระยะไกล ปจจัยที่กําหนดคือ ปริมาณ
น้ําฝนรายป จํานวนวันที่ฝนตกตอป ระยะหางจากแหลงน้ํา แหลงน้ําใตดิน พืชพรรณที่ขึ้นปกคลุมดิน เนื้อดิน
ความลาดชันของพื้นที่ ความหนาแนนของแมน้ํา โดยการกําหนดคาถวงน้ําหนักของปจจัย และคาคะแนนของ
ประเภทขอมูลของแตละปจจัยมากําหนดพิสัย 3 ชวง และจัดทําแผนที่โอกาสเกิดความแหงแลง 3 ระดับ
พบวาพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดความแหงแลงสูง มักพบบริเวณที่ราบขั้นบันไดทางดานตะวันตกของทะเลสาบ
อมเรศ (2546) ไดศึกษาสภาพความแหงแลงลุมน้ํายม โดยเริ่มจากการตรวจสอบสภาพความแหง
แลงที่ผานมา คนหาสาเหตุ และความรุนแรงของสภาพความแหงแลงในแตละพื้นที่ โดยยึดหลักปริมาณน้ําที่มี
ในพื้นที่โดยสภาพธรรมชาติคือน้ําฝนและน้ําทา เทียบกับการใชน้ําในกิจกรรมตางๆ ในแตละพื้นที่แลวกําหนด
ดัชนีวัดความแหงแลงในแตละพื้นที่ลุมน้ํายม จากการศึกษาพบวา พื้นที่ลุมน้ํายมตอนลางในแมน้ํายมสายหลัก
จะประสบปญหาขาดแคลนน้ําโดยเฉลี่ยเกือบทุกป และในรอบ 5-6 ป จะรุนแรงมากครั้งหนึ่ง สวนพื้นที่ที่อยู
ไกลจากแมน้ําก็ประสบปญหาภัยแลงในชวงตนฤดูฝนและในฤดูแลง เนื่องจากปริมาณฝนในชวงฤดูแลงมีคา
นอยมากสวนในพื้นที่ลุมน้ํายมตอนบนประสบปญหาความแหงแลงนอยกวาตอนลาง เนื่องจากปริมาณฝน
โดยรวมสูงกวาพื้นที่อื่นๆ และการใชน้ํายังอยูในเกณฑต่ํา สวนน้ําอุปโภคบริโภคขาดแคลนมากในชวงฤดูแลง
เกือบทุกพื้นที่ของลุมน้ํายม แตจะขาดแคลนน้ําในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดแพร นอกจากนี้ยังพบวาใน
รอบ 40 ปที่ผานมา ลุมน้ํายมมีแนวโนมของฝนรายปลดลง 1-14 มิลลิเมตรตอป และปริมาณน้ําทาในฤดูแลง
ลดลงตามลําดับ เนื่องจากมีการใชน้ําเพิ่มขึ้นอยางตอเนื่อง