Page 42 - การประเมินพื้นที่แล้งซ้ำซากจังหวัดกาญจนบุรี
P. 42

34




                                                         ่
                                                      ื
                                                                   
                                                      ้
                              3.6.2  แนวทางในการจัดการพนทีระยะยาว ไดแก  
                                            ื
                                       1) ฟนฟูพ้นที่ท่ประสบปญหาความแหงแลง โดยการสงเสริมการอนุรักษดินและน้ำ
                                                ี
                          เพิ่มการปกคลุมดินโดยการปลูกพืชคลุมดินหรือพืชปุยสด และการปลูกหญาแฝกเพื่อลดการชะลาง
                                                                              ิ
                                                                   ่
                                                                                                    ี
                                                    
                                                                                          
                                                                ื
                            ั
                                                          ่
                          พงทลายของดิน โดยเฉพาะหญาแฝก ซึงเปนพชทีมีการเจริญเตบโตเร็ว แตกเปนกอแนน มระบบ
                          รากฝอยที่ยาว แขงแรง และยดสานกันแนน รากหญาแฝกจึงเปรียบเสมือนกำแพงใตดิน ทำหนาที่
                                         ็
                                                  ึ
                          เกาะยดดิน เกบรักษาน้ำในดิน การปลูกหญาแฝกสามารถทำไดงาย และมีประโยชนมาก เชน
                                ึ
                                      ็
                          การปลูกหญาแฝกเพอการอนุรักษดินและนำ การปลูกหญาแฝกเพื่อควบคุมรองน้ำและกระจายน้ำ
                                                             ้
                                           ื่
                          การปลูกหญาแฝกเพื่อรักษาความชุมชื้นในดิน การปลูกแฝกเพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน เปนตน
                                       2)  การสรางแหลงเก็บกกน้ำ เพื่อรักษาน้ำไวใชประโยชน เปนแหลงทุนน้ำสำรองในฤดูแลง
                                                      ั
                                                                                                       ิ
                          หรือระยะฝนทิ้งชวง แหลงเก็บกักน้ำจะตองคำนึงถงความเหมาะสมกับสภาพประเทศ สภาพทางเศรษฐกจ
                                                                ึ
                                                                       
                                                                           ็
                          สังคมและสิ่งแวดลอม ซึ่งมีหลายรูปแบบ เชน การสรางอางเกบน้ำขนาดใหญ อางเก็บน้ำขนาดกลาง
                          อางเก็บน้ำขนาดเล็ก ฝายทดนำ การขุดลอก ค คลอง หนองบึง ที่ตื้นเขิน ใหสามารถเกบกกน้ำไดมากขึ้น
                                                                                                   
                                                 ้
                                                                                              ั
                                                             ู
                                                                                           ็
                                  ั
                          และการพฒนาแหลงน้ำขนาดเล็กในไรนา โดยเฉพาะในพนทนอกเขตชลประทานเพื่อใหเกษตรกรใช
                                                                       ื้
                                                                          ี่
                                                                   ี่
                          เก็บกักน้ำไวใชในฤดูแลงชวยเพิ่มประสิทธิภาพการใชทดินมากขึ้น และเปนการชวยเพิ่มระดับน้ำใตดินดวย
                                                                                         ื
                                                             ั
                                                                                                  ็
                          นอกจากนี้การสรางถังเก็บน้ำฝนสำหรับรองรบน้ำฝนจากหลังคาบาน หลังคาโรงเรอนตาง ๆ เกบน้ำฝน
                                                ื
                            
                                                                  
                          ไวใชประโยชนในฤดูแลง เพอการออุปโภคบริโภคไดอกทางหนึง
                                                ่
                                                                          ่
                                                                   ี
                                                  ุ
                                        ิ่
                                       3) เพมอนทรียวัตถในดินเพื่อเปนการเพิ่มชองวางในดินทำใหดินสามารถเก็บกักน้ำไวได
                                          ิ
                                                                               ั
                          โดยอินทรียวัตถุ มลักษณะเปนสารคอลลอยด อนภาคของอินทรียวตถุ ประกอบกันเปนโครงสรางม ี
                                                                 ุ
                                         ี
                          ลักษณะคลายฟองน้ำ มีชองวางขนาดเล็ก ทำใหมีพนทผิวในการดูดซับน้ำไดมากเปนพเศษ ปริมาณ
                                                                   ื้
                                                                      ี่
                                                                                              ิ
                                                               ิ่
                            ิ
                                    ุ
                                       ิ่
                                                                                           ึ้
                                                                                         ิ่
                                 ั
                          อนทรียวตถที่เพมขึ้นทุก 1 เปอรเซ็นต จะชวยเพมความจุของน้ำที่เปนประโยชน เพมขน 1.5 เปอรเซ็นต
                                   ี้
                                     ิ
                                             ุ
                          นอกจากน อนทรียวัตถยังชวยใหดินมีโครงสรางดีขึ้น มีความรวนซุย การซาบซึมของน้ำดีขึ้น จึงชวย
                                                                         ู
                                                                   ุ
                                                                                ิ
                                                            ่
                                                
                                                     ้
                                               
                                       ็
                                         ั
                          ใหดินสามารถเกบกกน้ำไวไดมากขึน และเพมความอดมสมบรณของดน
                                                            ิ
                                   4) การจัดระบบการปลูกพืชที่เหมาะสม การเพาะปลูกพชจำเปนตองอาศัยน้ำ ซึ่งสวนใหญ
                                                                                   
                                                                              ื
                             ั
                                                                       ื
                                                                                      ื
                                                                                    ึ
                                                                                                      
                          ไดรบจากนำฝน นอกจากปริมาณนำฝนทีไดรับในชวงเดอนพฤษภาคมถงเดอนตุลาคมแลว ยงตอง
                            
                                   ้
                                                       ้
                                                                                                    ั
                                                           ่
                                                             
                            ิ
                          พจารณาถึงการกระจายของฝนในแตละพนที่ ซึ่งจะมีฝนทิ้งชวงแตกตางกัน การเพาะปลูกจึงตอง
                                                            ื้
                          หลีกเลี่ยงระยะฝนทิ้งชวง เพื่อใหไดรับผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ บางพนที่ก็มีปญหาน้ำทวมจากปริมาณ
                                                                               ื้
                                                           ื
                          น้ำทาที่ไหลเออลนฝงลำน้ำ อาจทำใหพชผลเสียหาย การจัดระบบการปลูกพืชจึงตองคำนึงหรือ
                                      
                          หลีกเลี่ยง ทั้งชวงแลงและชวงน้ำทวม หรือการหาพันธุพืช ชนิดพืชที่เหมาะสมในแตละทองถิ่น
                                                                    ี่
                                                       
                                   5) การรักษาฟนฟูพื้นที่ปาโดยเฉพาะพื้นทปาตนน้ำลำธาร ชวยใหเกิดการสะสมน้ำในดิน
                                                                          
                                                             ิ่
                                                    ื
                                                                              ื้
                          และน้ำใตดิน รวมทั้งการปลูกไมยนตนเพื่อเพมความชุมชื้นใหกับพนท ชวยชะลอการไหลของน้ำไมให
                                                                                ี่
                          ไหลลงสูทีต่ำอยางรวดเร็วและรุนแรง ปานอกจากชวยเก็บกักน้ำฝนไวในชั้นดิน และอากาศเหนือผิวดินใน
                                 
                                  ่
                                                                                           ี
                                                                                                   
                                                   
                                                    ั
                                                           
                          รูปของไอนำแลว ปาไมทีสมบูรณยงชวยใหมนำไหลในลำธารตลอดทังป ดวยเหตุนจึงมความจำเปนอยาง
                                   ้
                                             ่
                                                            ี
                                                                                  
                                                                                        ้
                                                                                        ี
                                                             ้
                                                                              ้
                                                                                
                          ยิ่งในการรักษาสภาพปา และการฟนฟูปาไมใหสมบูรณ
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47