Page 65 - พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 65
56
ื้
ของพนที่น้ำท่วม รวมทั้งติดตั้งระบบสื่อสารจาก Operating room ของลุ่มน้ำใหญ่ไปลุ่มน้ำย่อย
เพื่อกระจายข่าวที่ทันเหตุการณ์ และติดตั้งเครื่องรับวิทยุประจำหมู่บ้านเพื่อรับฟังข่าวในสภาวะเตือนภัย
และฉุกเฉิน
3.9.11 การปรับตัวในการเพาะปลูกข้าวโดยเน้นข้าวนาปรังเป็นหลักทำให้สามารถทำการเพาะปลูกได้
2 ครั้งต่อปี ทั้งนี้การปลูกข้าวครั้งที่ 1 จะเริ่มหลังจากที่ปริมาณน้ำลดลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน/ธันวาคม
จนถึงเดือนมีนาคม/เมษายน หลังจากนั้นจะทำนาครั้งที่ 2 ทันที เป็นต้น
3.9.12 การปรับเปลี่ยนพื้นที่วิฤตน้ำท่วมซ้ำซากให้เป็นพื้นที่พฒนาเพอกิจกรรมการใช้ประโยชน์
ื่
ั
ั
เฉพาะอย่าง โดยเฉพาะพนที่การเกษตรที่ประสบปัญหาดังกล่าวอาจพฒนาเป็นพนที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ื้
ื้
ั
ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องเข้าไปพฒนาระบบ ส่งเสริมและให้องค์ความรู้ในกิจกรรมใหม่ ๆ ตลอดจนให้ประชาชน
หรือองค์กรในท้องถิ่นมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรด้วย
ื่
3.9.13 การจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพนที่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นพนที่สูงเพอชะลอและเก็บกักน้ำ
ื้
ื้
ลงในดิน ช่วยลดและบรรเทาการไหลบ่าของน้ำให้เกิดการไหลในปริมาณที่พอเหมาะจึงช่วยลดปริมาณน้ำ
ื
สะสมในที่ลุ่มหรือที่ต่ำได้ นอกจากนั้นยังเป็นการเก็บกักน้ำไว้ในฤดูแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้แก่พชและ
พื้นที่ตอนบนอีกด้วย
3.10 แนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก
ื้
3.10.1 พนที่น้ำท่วมซ้ำซากครั้งคราวโดยประสบน้ำท่วมขังไม่เกิน 3 ครั้งในรอบ 10 ปี และมีความเสี่ยงสูง
ั
ื
ต่อการลงทุนพฒนาทางการเกษตรเนื่องจากพนที่มีสภาพเป็นที่ราบเรียบถึงเกอบราบเรียบ มีน้ำท่วมขัง
ื้
ื้
ประมาณ 5 - 10 วันในรอบปี ดังนั้นมาตรการในการจัดการพนที่ดังกล่าวจึงควรมีการศึกษาการเกิดน้ำท่วม
ช่วงของการเกิดน้ำท่วม และปริมาณการเกิดน้ำท่วมในแต่ละครั้ง เพอกำหนดรูปแบบ เลี่ยงการปลูกข้าวใน
ื่
เดือนที่จะเกิดน้ำท่วม ช่วงการเพาะปลูก และระบบการเพาะปลูกพชต้องเหมาะสมกับสภาพพนที่ และ
ื
ื้
ช่วงเวลาการเกิดน้ำท่วม เพอลดความเสียหายที่จะเกดขึ้น (สุชาติ และ เกษร, 2548) เช่น การเปลี่ยนมา
ิ
ื่
ั
ั
ั
ใช้พนธุ์ข้าวที่ทนต่อน้ำท่วม การใช้พนธุ์ข้าวอายุสั้นในการทำนาครั้งที่ 2 การใช้พนธุ์ข้าวอายุยาว
ั
เพื่อปลูกคร่อมในช่วงน้ำท่วม การใช้พนธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตมากในช่วงการทำนาครั้งที่ 1 การเลื่อนปลูกข้าวนา
ั
ปีออกไป และใช้พนธุ์ข้าวที่ไม่ไวแสง การเปลี่ยนการปลูกมาทำนาดำ เนื่องจากต้นข้าวจะมีลำต้นที่สูงกว่า
การทำนาหว่าน รวมถึงการเปลี่ยนมาปลูกพืชอย่างอื่น เกษตรกรควรมีการปรับตัวให้เหมาะสมกบสภาพ
ั
ื่
พื้นที่การเกิดน้ำท่วม เช่น มีการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตหลักจากเดิมที่เคยใช้ที่ดิน เพอทำนาอย่างเดียว
ื่
มาเป็นการผลิตอย่างอนร่วมด้วย โดยเฉพาะการทำไร่นาสวนผสม
3.10.2 พนที่น้ำท่วมซ้ำซากบ่อยครั้ง โดยประสบน้ำท่วมขัง 4 - 7 ครั้งในรอบ 10 ปี และเสี่ยงปานกลาง
ื้
ื้
ั
ต่อการลงทุนพฒนาทางการเกษตร เนื่องจากพนที่มีสภาพราบเรียบเกือบราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ
มีน้ำแช่ขังประมาณ 15 - 30 วันในรอบปี บางปีท่วมถึง 2 ครั้ง เนื่องจากพนที่ดังกล่าวเสี่ยงต่อการลงทุน
ื้
ในการพัฒนาการเกษตรปานกลาง ดังนั้นจึงควรเร่งพฒนาพนที่ดังกล่าวโดยกำหนดรูปแบบ และระบบ
ั
ื้
การเพาะปลูกพชให้เหมาะสมกับสภาพพนที่ เช่น การเปลี่ยนมาใช้พนธุ์ข้าวที่ทนต่อน้ำท่วม การใช้พนธุ์ข้าว
ั
ื้
ื
ั
ั
ื่
ั
อายุสั้นในการทำนาครั้งที่ 2 การใช้พนธุ์ข้าวอายุยาว เพอปลูกคร่อมในช่วงน้ำท่วม การใช้พนธุ์ข้าวที่ให้
ั
ผลผลิตมากในช่วงการทำนาครั้งที่ 1 การเลื่อนปลูกข้าวนาปีออกไป และใช้พนธุ์ข้าวที่ไม่ไวแสงมาปลูก
การเปลี่ยนมาทำนาดำเนื่องจากต้นข้าวจะมีลำต้นที่สูงกว่าการทำนาหว่าน รวมถึงการเปลี่ยนมา