Page 24 - การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณน้ำฝนกับความชื้นในดินของพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง จังหวัดสระแก้ว
P. 24

15



                                        Saturation
                                                                      Gravitational Water

                                        Field Capacity


                                    Available Moisture                Capillary Water



                                 Permanent Wilting Point              Hygroscopic Water


                                   Unavailable Moisture


                  ภาพที่ 6 การแบงระดับชั้นของน้ำและความชื้นในดิน

                  ที่มา: กรมชลประทาน (2554)

                                                                       ่
                             การสูญเสียน้ำโดยการระเหยจากผิวดินและจากทีพืชดูดเอาไปใชจะทำใหปริมาณความชื้นในดน
                                                                                                           ิ
                  ลดลงจนกระทั่งถึงจุด ๆ หนึ่งที่น้ำในดินไมมีการเคลื่อนที่อีก ทั้งนี้เพราะวาแรงที่น้ำหรือความชื้นจับยึดแนน
                  เปนแผนบางๆรอบเมดดินมมากจนพืชไมสามารถดูดไปใชได พืชก็จะเหี่ยวเฉาและถาหากไมมการใหน้ำแกพืช
                                         ี
                                    ็
                                                                                       
                                                                                                ี
                  ในตอนนี้แลวพืชก็จะตายซึ่งน้ำยึดติดแนนกับเม็ดดินและไมสามารถทจะทำใหเคลื่อนที่ไดดวยแรงดงดดของโลก
                                                                                                  ึ
                                                                                                    ู
                                                                          ี่
                  หรือแรงดูดซับซึ่งเรียกวา น้ำเยื่อ (hygroscopic water )
                        3.2.2 ความชื้นในดิน
                                        ิ
                                                                     ื
                                                         
                             ความชนในดนสามารถแบงออกไดเปน 3 ชนิด คอ
                                   ื
                                   ้
                             1) ความชื้นชลประทาน (field capacity) หลังจากทีน้ำอิสระ ไดถูกระบายออกจากชองวางขนาด
                                                                        ่
                  ใหญหมดแลวความชื้นในดินจะมีการเปลี่ยนแปลงนอยมาก จะคงเหลืออยูแตน้ำที่ดินสามารถดูดซับไวไดเต็มท  ่ ี
                                                                                  
                  (capillary water) ซึ่งเรียกวา ความชื้นชลประทาน หรือน้ำที่ดินสามารถดูดซับไวไดที่ระดับแรงดัน 1/3 บาร หรืออีก
                                                      ี
                                                                                
                                                           ึ
                                                   ้
                  นัยหนึ่งในชองวางของดินทดดซับน้ำไวนีจะมแรงดงดูดประมาณ 1/3 บาร ดานการปฏบัตในแปลงศกษาทดลอง
                                                                                                   ึ
                                                                                           ิ
                                        ี่
                                         ู
                                                                                        ิ
                                                                                                         ื่
                  คาความชื้นชลประทานนี้ ไมสามารถหาหรือคำนวณออกเปนคาที่แนนอนได ทั้งนี้เนื่องจากวายังมีการเคลอนท ี่
                                                                                                     ั
                                                                                                           ี่
                         ี
                  ของน้ำทดินสามารถดดซับอยูตลอดเวลา ดังนั้นจึงถือวาปริมาณความชื้นในดินที่มีการระบายน้ำไดดีหลงจากทมี
                         ่
                                    ู
                  ฝนตกหนักหรือ หยุดใหน้ำแลว 2 – 3 วัน จะเปนความชื้นที่ระดับความชื้นชลประทาน
                             2) ความชื้นที่จุดเหี่ยวเฉาถาวร (Permanent Wilting Point; PWP) ความชื้นในดินที่พืชไมสามารถ
                  ดูดมาใชไดเพียงพอสำหรับการคายน้ำและหลังจากนั้นพืชจะเริ่มมการเหี่ยวเฉาอยางถาวรเรียกวา ความชื้นท  ี ่
                                                                         ี
                  จดเหยวเฉาถาวร หรืออีกนัยหนึ่งคือปริมาณน้ำที่ดูดซับไวดวยแรงดึงดูด 15 บาร
                      ี
                      ่
                   ุ
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29