Page 23 - การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณน้ำฝนกับความชื้นในดินของพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง จังหวัดสระแก้ว
P. 23
บทที 3
่
ผลการศึกษา
3.1 ความชื้นในดิน
ดินประกอบดวย 3 สถานะ คือ สวนที่เปนของแข็งหรือเนื้อดินที่ประกอบดวย แร (mineral matter)
และสารอินทรียวัตถุ (organic Matter) สวนที่เปนของเหลวที่ประกอบดวยน้ำ (water) สวนที่เปนกาซ
ิ
ิ
ื
้
ี่
ประกอบดวยอากาศ (air) และไอน้ำ (water vapor) ดังนั้นสวนทเปนของเหลวหรือน้ำในดน จะเปนความชนในดน
ู
(soil moisture) คือ ปริมาณน้ำที่ถูกอนุภาคของดินดดยึดไว ทำใหน้ำที่แทรกซึมลงในดินยังคงคางอยูตามชองของ
เนื้อดิน (capillary water) หรือเคลือบเปนฟลมรอบอนุภาคดิน (hygroscopic water) ถาในสวนของชองวาง
้
ิ
ในเนื้อดินมีน้ำอยูเต็มไมมีกาซอยูเลยเรียกวา ดินที่อิ่มตัวดวยน้ำ (saturated soil) แตถาในชองวางของดนมทงน้ำ
ี
ั
และกาซอยูดวยเรียกวา ดินที่ไมอิ่มตัว (unsaturated soil) ความชื้นในดินที่มีประโยชนตอพืชจะมากหรือนอย
ขึ้นอยูกับเนื้อดินเปนหลัก พบวาความชื้นในดินที่มีประโยชนตอพืชของดินเหนียวที่เปนดินเนื้อคอนขางละเอียด
จะมีชวงกวางกวาดินรวนและดินทราย ถาเนื้อดินเปนดินทรายการใหน้ำตองบอยครั้งมากกวาดินรวนและดินเหนียว
ความชื้นของดิน ตามความหมายของปทานุกรมปฐพีวิทยา คือ น้ำซึ่งถูกดูดซับบนผิวอนุภาคดินหรือ
ขังอยูชั่วคราว หรืออยูในสภาวะไอน้ำในชองวางระหวางอนุภาคดิน น้ำเหลานี้ทำใหสามารถหมดได เมื่ออบท ่ ี
อุณหภูมิ 105 - 110 องศาเซลเซียส ไมนอยกวา 25 ชั่วโมง (คณะกรรมการจัดทำปทานุกรมปฐพีวิทยา, 2541)
สำหรับความชื้นของดินตามความหมายคณาจารยภาคปฐพีวิทยา (2541) หมายถึง น้ำในดิน อยูในรูปของน้ำเหลว
ในดิน ซึ่งมีบทบาทตอการเจริญเติบโตของพืชอยางมากเมื่อเทียบกับสวนที่อยูในรูปของไอน้ำ
พงษสันติ์ (2543) กลาวถึงความชื้นของดิน เปนสัดสวนของปริมาณน้ำที่ถูกดึงดูดอยูตามชองวางหรือ
ิ
เคลือบอยูรอบ ๆ อนุภาคดินกับปริมาณทั้งหมดของดินนั้น ซึ่งจะมีหนวยแสดงเปนความชื้นของดินโดยมวลดนแหง
หรือความชื้นของดินโดยปริมาตรทั้งหมดของดิน หรือความชื้นของดินโดยระดับความสูงของน้ำ
3.2 ชนิดของน้ำและความชื้นในดิน
3.2.1 น้ำในดน
ิ
การเรียงตัวของเม็ดดินทำใหเกิดชองวางที่มีขนาดและรูปรางตาง ๆ ขึ้น เมื่อฝนตกหรือใหน้ำแกพืช
น้ำจะแทรกตัวเขาไปอยูตามชองวางเหลานี้และเกาะติดกับเม็ดดินดวยแรงยึดเหนี่ยวระหวางโมเลกุลของดินและน้ำ
(adhesive force) และแรงยึดเหนี่ยวระหวางโมเลกุลของน้ำดวยกัน (cohesive force) ซึ่งรวมเรียกวา แรงดูดซับ
่
ั
ิ
้
ี
็
่
ุ
(capillary force) ถาหากน้ำเขาไปแทนทอากาศจนเตมทกชองวาง เรากลาวไดวาดนนันอิมตวดวยน้ำ (saturated)
และน้ำที่อยูในชองวางนั้นทั้งหมดจะเปนปริมาณสูงสุดที่ดินจะเก็บกักเอาไวไดถาไมมีแรงจากภายนอกมากระทำ
แตเนื่องจากวาสสารทุกชนิดที่อยูบนพื้นผิวโลกจะถูกแรงดึงดูดของโลกกระทำอยูตลอดเวลารวมถึงน้ำทขงอยูใน
ั
ี่
ู
ชองวางระหวางเม็ดดินดวย ในชองวางที่มีขนาดใหญแรงดึงดดระหวางน้ำกับชองวางระหวางเม็ดดนจะนอยกวา
ิ
ี
ชองวางขนาดเล็กดังนั้นเม่อแรงดึงดูดดังกลาวมคานอยกวาแรงดึงดูดของโลก น้ำในดิน ก็จะมีการไหลออกนอก
ื
ชองวางและไหลลงไปยังที่ต่ำกวาซึ่งเรียกวา น้ำอิสระ (gravitation water หรือ free water) เมื่อฝนหยุดตกหรือ
ู
ี
หยุดการใหน้ำแกพืช น้ำที่อยูในชองวางขนาดใหญจะถกระบายออกโดยใชเวลา 2 - 3 วัน ในดินที่มีการระบายน้ำไดดน้ำ
อิสระจะถูกระบายออกไปหมดกอนที่จะเปนอันตรายตอพืชและจะมีอากาศเขามาแทนที่ สวนน้ำที่มีในชองวาง
ขนาดเลกซึงไมถูกระบายออกดวยแรงดงดดของโลก อาจจะมการระบายออกดวยแรงดดซับ (capillary water)
ู
ึ
ี
ู
็
่
ซึ่งจะมีการเคลื่อนที่ชามาก ซึ่งชากวาน้ำอิสระและจะมีทิศทางไปทางใดก็ไดโดยจะเคลื่อนที่ไปสูจดที่มีแรงดดซับ
ู
ุ
่
ี
มากที่สุดเสมอและเปนน้ำที่รากพืชสามารถดูดไปใชได (ภาพท 7)