Page 27 - การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และสำรวจระยะไกล เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่การเกษตรภาคใต้
P. 27
18
3) การชะล้างพังทลายแบบริ้ว หรือแบบร่องขนาดเล็ก (Rill erosion)
การชะล้างพังทลายแบบริ้ว หรือแบบร่องขนาดเล็กเป็นลักษณะของการชะล้างผิวหน้าดินเป็น
ร่องเล็ก ๆ เกิดจากการที่น้ำผิวดินไหลมารวมตัวกัน และไหลชะล้างผิวดินออกจากพื้นที่ ในอัตราการไหลที่
ค่อนข้างเร็ว จึงกัดเซาะดินให้เป็นร่อง เกิดเป็นแนวขึ้นลงตามความลาดเทพของพื้นที่ มีส่วนทำให้โครงสร้างดิน
เสียหายมาก สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืช พบในพื้นที่ทำเกษตรกรรมที่มีดิน
เป็นดินร่วนปนทราย มีความลาดเทปานกลาง มักเกิดจากน้ำไหลตามร่องพืชที่ปลูกตามแนวลาดเท หรือบริเวณ
พื้นที่ที่มีความลาดเทเล็กน้อย ไม่สม่ำเสมอกัน ความลึกของริ้วไม่เกิน 5-8 เซนติเมตร กว้างไม่เกิน 15
เซนติเมตร
4) การชะล้างพังทลายแบบร่องลึก (Gully erosion)
การชะล้างพังทลายแบบร่องลึกเป็นลักษณะของการชะล้างพังทลายของพื้นที่จนเป็นร่องน้ำ
ขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการที่น้ำไหลบ่าผิวหน้าดินไหลมารวมตัวกันในปริมาณมาก และไหลออกจากพื้นที่
อย่างรวดเร็ว และพื้นที่นั้นมีความลาดชันมากทำให้เกิดการกัดเซาะผิวดินเป็นร่องขนาดใหญ่ อาจมีความกว้าง
มากกว่า 30 เซนติเมตร บางแห่งอาจมีขนาดกว้างกว่า 10 เมตร ถ้าปล่อยไว้นานอาจทำให้พื้นที่
เกิดความเสียหายและยากต่อการแก้ไข มักพบในพื้นที่เกษตร
รูปที่ 5 กระบวนการชะล้างพังทลายของดินโดยน้ำเป็นตวเร่ง (FAO, 2019)
ั
3.3 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน
การชะล้างพังทลายของดินเป็นส่วนหนึ่งของความเสื่อมโทรมของที่ดินซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ
ต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก และต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development Goals: SDGs) ซึ่งกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนอย่างน้อย 3.2 พันล้านคนทั่วโลก
การจัดระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทย (กรมพัฒนาที่ดิน, 2563)
ยึดตามผลกระทบต่อระบบนิเวศของพื้นที่ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ค่าการสูญเสียดินสูงสุด
ที่ยอมรับได้สำหรับพื้นที่เกษตร คือ ระดับที่ไม่มีผลเสียหายต่อคุณภาพดินและผลผลิตพืชในระยะยาวและ
ยังคงได้รับผลผลิตพืชและมีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ โดยระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน
จำแนกออกเป็น 5 ระดับ รายละเอียดตามตารางที่ 3