Page 11 - การประเมินพื้นที่แล้งซ้ำซากจังหวัดกาญจนบุรี
P. 11

3




                                                                           ู
                                                    ็
                                           
                              1.5.3  การนำเขาและจัดเกบขอมูลในระบบสารสนเทศภมิศาสตร เปนการจัดการขอมูลใหอย  ู
                          ในรูปแบบโครงสรางแบบราสเตอร (Raster) หรือ เวคเตอร (Vector) ตามตองการ
                              1.5.4  แปลงขอมลสภาพภูมิอากาศ ไดแก ขอมูลปริมาณน้ำฝนรายป (ยอนหลัง 10 ป) ของแตละป
                                                                
                                                                                  
                                         
                                            ู
                                                                    ู
                          ทุกสถานีตรวจวัดอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาใหอยในรูปขอมูลเชิงพื้นที่เพอนำไปวิเคราะหรวมกบ
                                                                                                       ั
                                                                                      ื่
                                                                    ั
                          สภาพการใชที่ดินและความตองการน้ำของพืชรวมกนเพื่อเปนปจจัยผันแปรในการวิเคราะหรวมกับ
                                                                          
                                            ี่
                                                                          
                          ปจจัยคงทเพอหาพนทแหงแลงของแตละป หลังจากแปลงขอมลปจจัยตาง ๆ ใหอยูในรูปแบบของ
                                         ื้
                                   ี่
                                     ื่
                                                                            ู
                          ฐานขอมูลในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร แลวนำขอมูลมาวิเคราะหโดยการซอนทับขอมูลดวย
                          ระบบสารสนเทศภูมิศาสตรและกำหนดคาถวงน้ำหนักในแตละปจจัยโดยใหน้ำหนก เรียงลำดับ
                                                                                              ั
                          ตามความสำคัญมากนอย
                                                                                ั
                                                                   ี
                                                                ั
                                                             
                                                                                               ี่
                                                                                                 ิ
                                            
                                                                                   ื้
                              1.5.5  วิเคราะหขอมูลเชิงพื้นที่ โดยใชปจจยที่มความเกี่ยวของกบพนที่ศึกษาและทมีอทธิพลตอ
                          การเกิดพื้นที่แลงซ้ำซากมากที่สุด มีการกำหนดคะแนนความสำคัญ ทั้ง 6 ปจจัย ไดแก พื้นที่เขตชลประทาน
                                                                                                      ื้
                          ระยะทางจากแหลงน้ำผิวดิน (buffer) ความสามารถในการอมน้ำของดิน ความลาดชันของพนที่
                                                                            ุ
                          ขอมลปรมาณนำฝนรายป (ยอนหลัง 10 ป) และสภาพการใชทดินซึงเปนตวบงชีถงความตองการน้ำของพช
                                                                            ่
                                                                                                       ื
                                                                        ่
                                                
                                                                                     ้
                                                                                      ึ
                                      ้
                                                                                 ั
                              ู
                                 ิ
                                                                                            
                                                                              
                                                                        ี
                          โดยกำหนดคาถวงน้ำหนักใหแตละปจจัยและระดับคาถวงน้ำหนักใหแตละประเภทขอมูล โดยวธีเฉลี่ย
                                                                               
                                      
                                                                                                   ิ
                          คาคะแนนจากผูเชี่ยวชาญ และคณะกรรมการกลุมของหนวยงาน จากนั้นทำการซอนทบขอมูล (Overlay)
                                                                                          ั
                          พรอมเงื่อนไขตามที่กำหนดไว ดวยระบบสารสนเทศภูมศาสตร และหาความสัมพันธของปจจัยแตละปจจัย
                                                                   ิ
                                                
                                                                                        
                          ดังกลาว ดวยวิธการถวงคานำหนักในแตละปจจัย การประเมินพื้นที่แลงซ้ำซาก จะใชวิธีวิเคราะหพื้นท ี่
                                                ้
                                       ี
                                                                                                   
                                                                                                       ั
                                                                          ั
                          โดยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร และกำหนดตัวแปรจากปจจยที่ทำใหเกิดภัยแลง สามารถแบงปจจย
                          ในการวิเคราะหออกเปน 2 กลุมปจจัย คือ กลุมปจจัยคงที่ กับ กลุมปจจัยผันแปร ดังน  ี้
                                  1) กลุมปจจัยคงที่
                                                                       
                                                                           ึ
                                                                                       ื้
                                                                 
                                                                                              ั
                                              ี่
                                                                    ู
                                    1.1) พื้นทเขตชลประทาน จะเปนขอมลที่บงชี้ถงระยะทางของพนที่ที่มีศกยภาพในการ
                          ทำการเกษตรสูง แหลงน้ำตนทุนมีแนนอน และมีการบริหารจัดการน้ำใหเพยงพอในการใชเพื่อการเกษตร
                                                                                  ี
                          ซึ่งพื้นที่นอกเขตชลประทาน มีโอกาสประสบปญหาภัยแลงมากกวาพื้นที่ในเขตชลประทาน
                                                                                    ี่
                                                                                                      ื
                                    1.2) ระยะทางจากแหลงน้ำผิวดิน (buffer) จะเปนขอมูลทบงชี้ถงระยะทางของพ้นที่
                                                                                         ึ
                                                                                                  ี่
                                   ั
                          ที่อยูใกลกบแหลงน้ำผิวดิน เชน แมน้ำ ลำคลอง ซึ่งหากฝนไมตกตอเนื่องเปนเวลานาน พื้นทที่อยูไกล
                                                                                       
                          จากแหลงนำผิวดินมความเสียงตอการเกดภยแลง อาจขาดน้ำเพอการเกษตรได
                                   ้
                                                                           ่
                                                   
                                                                           ื
                                                            ั
                                                         ิ
                                          ี
                                                ่
                                                                   ิ
                                                                      
                                                           ุ
                                    1.3) ความสามารถในการอมน้ำของดน เปนตัวชี้วดระดับความสามารถในการเกบกักน้ำ
                                                                            ั
                                                                                                   ็
                                                                                             ั
                          ไวใชได ซึ่งขึ้นอยกับลักษณะทางกายภาพพนฐานของดินนั้น ๆ โดยพจารณาจากคุณสมบติการระบายน้ำ
                                                           ื้
                                       ู
                                                                              ิ
                                            ุ
                          ความสามารถในการอมน้ำของดินแตละชนิด ซึ่งมีผลตอความชื้นในดิน และความเปนประโยชนตอ
                          การใชน้ำของพืช
                                    1.4) ความลาดชันของพนที่ มีผลตอความเร็วในการเคลื่อนทของน้ำผิวดินและใตพนดิน
                                                                                    ี่
                                                         ื้
                                                                                                     ื้
                          ตามหลักการไหลของน้ำ พนที่มีความลาดชันมาก เชน พื้นที่สูงและที่ดน น้ำจะไหลบาออกจากพื้นท  ี่
                                                                                  ิ
                                                ื้
                                     ื้
                                                                    ุ
                                  
                          ไดเร็วกวา พนที่มีความลาดชันนอยหรือพื้นที่ราบลม ซึ่งจะสงผลใหโอกาสเกิดสภาวะแลงซ้ำซาก
                          มากกวาพื้นที่ราบลุม
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16