Page 20 - พื้นที่แล้งซ้ำซากภาคเหนือปรับปรุงปี 2564
P. 20
12
หน่วยที่ดินที่ 2
เป็นดินลึกและเหนียวจัด การระบายน้ำดีหรือดีปานกลาง เนื้อดินละเอียด ความอุดมสมบูรณ์
ปานกลางถึงสูง มีความลาดชันเล็กน้อย เหมาะสมใช้ปลูกพืชไร่ เช่น ฝ้าย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วต่างๆ
ปัญหาและการจัดการ เนื่องจากเป็นดินเหนียวจัด จึงควรระมัดระวังในการไถพรวนให้
เหมาะสมกับสภาพความชื้นในดิน มิฉะนั้นจะทำให้เกิดชื้นแข็งในดินล่างได้
หน่วยที่ดินที่ 3
เป็นดินลึก เนื้อละเอียด การระบายน้ำดีหรือดีปานกลาง ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำหรือ
ต่ำมีความลาดชันตั้งแต่ระดับน้อยจนถึงมีความลาดชันมาก เหมาะสมใช้ปลูกพืชไร่ต่างๆ เช่น ข้าวโพด
ข้าวฟ่าง ฝ้าย ละหุ่ง อ้อย และถั่วต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถปลูกไม้ผลได้
ปัญหาของหน่วยที่ดินที่ 3 ได้แก่ ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และอาจมีอัตราการชะล้างพังทลาย
สูง ดังนั้นจึงควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและปลูกพืชทนแล้ง หรือกำหนดช่วงปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพ
ของสภาพภูมิอากาศในท้องถิ่น ตลอดจนต้องปรับปรุงบำรุงดินด้วยการเพิ่มอินทรียวัตถุร่วมกับปุ๋ย
วิทยาศาสตร์
หน่วยที่ดินที่ 4
มีลักษณะเป็นดินลึก เนื้อดินเนื้อละเอียดปนทราย การระบายน้ำดีหรือดีปานกลาง ความอุดม
สมบูรณ์ต่ำ มีความลาดชันน้อยจนถึงลาดชันมาก เหมะสมในการเพาะปลูกอย่างถาวร โดยเฉพาะพืชไร่
ต่างๆ เช่น ปอ ถั่ว มันสำปะหลัง อ้อย พืชผักต่างๆ เช่น แตงโม สับปะรด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปลูกไม้
ผลได้
ปัญหาการใช้ที่ดิน ในพื้นที่ที่มีความลาดชันมากจะพบปัญหาการชะล้างพังทลาย จึงควรมี
มาตรการอนุรักษ์ดินในพื้นที่มีความลาดชันมาก นอกจากนี้ควรใส่ปุ๋ยให้แก่พืช รวมทั้งเลือกชนิดพืช และ
ช่วงเพาะปลูกอย่างเหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น
หน่วยที่ดินที่ 5
มีลักษณะเป็นดินลึกปานกลางหรือดินตื้น เนื้อดินละเอียดหรือละเอียดปานกลาง ความอุดม
สมบูรณ์ปานกลาง มีปริมาณอินทรียวัตถุสูง ความลาดชันเล็กน้อยถึงลาดชันปานกลาง ดินหน่วยนี้มีความ
เหมาะสมสำหรับปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฝ้าย และถั่วต่างๆบางพื้นที่อาจไม่เหมาะสมสำหรับ
ปลูกพืชไร่รากลึก เช่น มันสำปะหลัง
ปัญหาการใช้ที่ดินหน่วยที่ 5 ได้แก่ ดินตื้น และบางพื้นที่อาจมีความลาดชัน ดังนั้นควรมีการ
อนุรักษ์ดินและเลือกชนิดพืชที่ปลูกให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น