Page 27 - พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 27
18
(5) ลมมรสุมมีกำลังแรง (Strong monsoon) มรสุม คือ ลมประจำฤดู ลมมรสุม
ุ
ื้
ื้
เกิดขึ้นเนื่องจากความแตกต่างระหว่างอณหภูมิของพนดิน และพนน้ำในฤดูหนาวและฤดูร้อน ในฤดูหนาว
ื้
ื้
ื้
อุณหภูมิของอากาศเหนือพนทวีปเย็นกว่าอากาศเหนือพนที่มหาสมุทรที่อยู่ใกล้เคียง อากาศเหนือพนน้ำ
จึงมีอณหภูมิสูงกว่าและลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน อากาศเหนือทวีปซึ่งเย็นกว่าจึงไหลไปแทนที่ ทำให้เกิดลม
ุ
ื้
ั
ุ
ั
พดออกจากทวีปพอถึงฤดูร้อนอณหภูมิของดินภาคพนทวีปสูงกว่าน้ำในมหาสมุทรเป็นเหตุให้เกิดลมพด
ิ
ิ
ไปในทิศทางตรงกันข้ามประเทศไทย ซึ่งอยู่ในเขตอทธิพลของมรสุม ประเทศไทยจึงอยู่ในอทธิพลของ
มรสุม 2 ฤดู คือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งพัดประมาณฤดูกาลละ 6 เดือน
- มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest monsoon) มรสุมนี้ก่อให้เกิดอทกภัยได้
ุ
ิ
เนื่องมาจากเมื่อพัดจากมหาสมุทรอนเดียปะทะขอบฝั่งตะวันตกของภาคใต้ และเมื่อผ่านอาวไทยแล้วจะปะทะ
่
่
ขอบฝั่งตะวันออกของอาวไทย มรสุมนี้เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม และสิ้นสุดลงตอนต้นเดือนตุลาคม
เมื่อมรสุมตะวันตกเฉียงใต้แรงจัด ความเร็วของลมอาจจะสูงถึง 30 น๊อต เป็นระยะเวลาหลาย ๆ วัน
ิ
คลื่นทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้ใหญ่มาก เนื่องจากลมแรงจัดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอนเดีย มีช่วงระยะ
ั
ที่ลมเคลื่อนที่ไกลมาก คลื่นและลมจึงพดพาน้ำทะเลในอาวเบงกอลมาสะสมทางขอบฝั่งตะวันตกของภาคใต้
่
ตลอดฝั่ง ทำให้ระดับน้ำในทะเลตามขอบฝั่งสูงขึ้นมากจากระดับน้ำทะเลปานกลางในฤดูนี้และในระยะเดียวกัน
่
ถ้าเกิดพายุดีเปรสชันขึ้นในอาวเบงกอลทางฝั่งตะวันตกของภาคใต้ จากความกดอากาศต่ำในบริเวณพายุและ
จากฝนที่ตกหนักบนภูเขาและชายฝั่งรวมเข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้เกิดระดับน้ำในทะเลและแม่น้ำสูงจน
เป็นน้ำท่วมและเกิดอันตรายได้
- มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast monsoon) เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม
ั
ถึงสิ้นเดือนกุมภาพนธ์ ตั้งต้นพดจากประเทศจีนและไซบีเรียผ่านทะเลจีนใต้ปะทะขอบฝั่งเวียดนาม
ั
ส่วนที่หลุดจากปลายแหลมอนโดจีนจะพดผ่านอาวไทยตอนใต้ปะทะขอบฝั่งตะวันออกของภาคใต้
ิ
่
ั
หรือฝั่งตะวันตกของอาวไทยตั้งแต่ใต้สงขลาลงไป มรสุมนี้มีกำลังแรงจัดเป็นคราว ๆ เมื่อบริเวณ
่
ความกดอากาศสูงในประเทศจีนมีกำลังแรงขึ้น ลมในทะเลจีนใต้มีความเร็วถึง 30-35 น๊อต
(52 กิโลเมตร ถึง 64 กิโลเมตร) แต่เนื่องด้วยมรสุมนี้ปะทะขอบฝั่งเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้
ั
ลมมรสุมที่พดผ่านเข้ามาในอาวนั้น มีช่วงระยะที่ลมเคลื่อนที่ไม่ได้ไกล จึงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมาก
่
ี
เป็นแต่เพยงคลื่นค่อนข้างใหญ่และระดับน้ำสูงกว่าปกติแต่ก็ไม่สูงมากนัก ลมที่พัดแหลมญวนและทางใต้
ลงไปจะทำให้เกิดผลทางขอบชายฝั่งตะวันออกของภาคใต้ ตั้งแต่ใต้สงขลาลงไปได้มากเช่นเดียวกัน คือ
ทำให้เกิดคลื่นใหญ่มาก และระดับน้ำสูงจากปกติมากจนอาจจะเกิดเป็นน้ำท่วมได ้
2) น้ำจากแหล่งเก็บกักน้ำหรือระบบควบคุม (Control system) เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ำ
ประตูระบายน้ำ ฝายทดน้ำ ฯลฯ โดยสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทำให้น้ำท่วมคือ (1) การระบายน้ำส่วนเกินใน
ปริมาณมากทิ้งออกไปเพอให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยต่อแหลงเก็บกักน้ำดังกล่าว กรณีนี้จะทำให้เกิด
ื่
่
ั
ื้
น้ำท่วมพนที่ลุ่มสองฝั่งลำน้ำด้านท้ายน้ำในลักษณะค่อย ๆ ท่วม และ (2) น้ำท่วมอนเกิดจากการวิบัติ
่
ของระบบควบคุมดังกล่าว เช่น เขื่อนพง อางเก็บน้ำแตก ประตูระบายน้ำไม่อาจทำหน้าที่ได้ กรณีนี้
ั
จะก่อให้เกิดน้ำหลาก มีความรุนแรงมากกว่าน้ำป่าและความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มากกว่าเช่นกัน
ื้
3) น้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุน เกิดในพนที่อยู่ติดทะเล ลักษณะการท่วมเกิดจาก
ระดับน้ำทะเลยกตัวสูงในช่วงน้ำขึ้นแล้วท่วมพนที่โดยตรงกับน้ำทะเลไหลย้อนเข้าสู่ลำน้ำ เพมระดับน้ำ
ิ่
ื้
ื้
่
ุ
ในลำน้ำที่ระบายน้ำจากลุ่มน้ำตอนบนขึ้นไปสูงขึ้นจนเออออกท่วมพนที่สองฝั่ง และเป็นอปสรรคต่อ
การระบายน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนดังกล่าวซึ่งหากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้วน้ำก็จะยิ่งท่วมนานยิ่งขึ้น