Page 50 - การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และสำรวจระยะไกล เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่การเกษตรภาคใต้
P. 50
41
3.7 แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่การชะล้างพังทลายของดิน
เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ควรมีการบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่แบบบูรณาการให้ครอบคลุม
ทุกมิติ เช่น กายภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม โดยกำหนดทิศทางจากสภาพปัญหา วิเคราะห์สภาพปัญหา
และร่วมหาแนวทางในการจัดการ โดยกรมพัฒนาที่ดินร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน
การอนุรักษ์ดินและน้ำ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน (อภิชัย, 2565) การวิเคราะห์สภาพพื้นที่
จำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและมีความถูกต้องสูง ได้แก่ ข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน ข้อมูลด้าน
ทรัพยากรดิน ข้อมูลสภาพการใช้ที่ดิน ระดับการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ สภาพภูมิประเทศ
รวมไปถึงข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม นำไปประกอบการวิเคราะห์และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกัน
การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมที่เกิดการชะล้างพงทลายของดิน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผล
อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เกษตรกร หน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานในจังหวัด ได้เกิดการตระหนัก
รู้ไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมทั้งสามารถประเมินสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นได้ทัน เพื่อลด
ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ิ
3.8 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่การชะล้างพังทลายของดนอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมพัฒนาที่ดิน มีภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ดิน โดยการพัฒนาที่ดินและอนุรักษ์ดิน
และน้ำ ซึ่งการอนุรักษ์ดินและน้ำ (Soil and Water Conservation) หมายถึง การใช้ทรัพยากรดินและน้ำ
อย่างเหมาะสม ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และมีความยั่งยืน (กรมพัฒนาที่ดิน, 2544)
การอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นมาตรการในการป้องกันการกร่อนดิน ลดแรงกัดชะของตัวการกร่อนดิน ลดความสามารถ
ในการเคลื่อนย้ายตะกอนดิน เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพิ่มสมรรถนะทางอุทกวิทยาของดิน เป็น
การระวังรักษาและป้องกันดินมิให้ถูกชะล้างและพัดพาไป ตลอดจนการปรับปรุงบำรุงดิน ให้คงความอุดมสมบูรณ์
รวมทั้งการรักษาน้ำในดินและบนผิวดินให้คงอยู่เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติให้เหมาะสมในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เพื่อเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ มาตรการวิธีกล
(Mechanical measures) และมาตรการวิธีพืช (Vegetative measures) ดังนี้
3.8.1 มาตรการวิธีกล เป็นวิธีการที่ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ปรับสภาพของพื้นที่เพื่อลดความยาวและความลาดเท
ของพื้นที่ โดยสร้างสิ่งกีดขวางความลาดเทของพื้นที่และทิศทางการไหลของน้ำ เพื่อช่วยควบคุมน้ำไหลบ่าหน้า
ดิน ชะลอความเร็วหรือลดปริมาณของน้ำที่ไหลบ่าหน้าดินวิธีการนี้นับว่าเป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำ
ที่ค่อนข้างถาวรมีประสิทธิภาพสูง ลงทุนค่อนข้างสูง รวมทั้งต้องใช้เทคนิค ความรู้ แรงงาน เครื่องมือ
ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
3.8.2 มาตรการวิธีพืช เป็นวิธีการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินโดยการปลูกพืช เป็นการเพิ่ม
ความแน่นของพืช การคลุมดินป้องกันเม็ดฝนกระทบผิวดิน ตลอดจนการปรับปรุงบำรุงดินที่เป็นการลงทุนต่ำ
และเกษตรกรสามารถปฏิบัติเองได้ เช่น การใช้พืชตระกูลถั่ว หญ้าเลี้ยงสัตว์ หรือหญ้าธรรมชาติ ปลูกเป็นแถบขวาง
ความลาดเทของพื้นที่หรือปลูกคุมดินหรือการใช้ระบบการปลูกพืชแบบผสมผสาน เพื่อลดความแรงของเม็ดฝน
ดักตะกอนดิน และชะลอความเร็วของน้ำ
การทำเกษตรกรรมในประเทศไทยมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะปัจจัยความลาดเทของพื้นที่
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการกร่อนดิน การอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เกษตรที่มีความลาดเทแตกต่างกัน
มีข้อพิจารณาที่แตกต่างกัน พิทยากร (2557) ได้กำหนดมาตรการวิธีกลและมาตรการวิธีพืชที่เหมาะสม
ตามความลาดเทไว้ 6 ระดับ ดังนี้