Page 63 - แล้งซ้ำซากจังหวัดสระแก้ว
P. 63
55
บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา
5.1 สรุป
จากการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ และข้อมูลสำรวจระยะไกลในการปรับปรุงขอบเขตพื้นที่
ประสบสภาวะแล้งซ้ำซากจังหวัดสระแก้ว พบว่าจังหวัดสระแก้วมีพื้นที่แล้งซ้ำซากทั้งหมด 2,094,681 ไร่ คิด
เป็นร้อยละ 46.58 ของพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยส่วนใหญ่สภาพการใช้ที่ดินของจังหวัดสระแก้วเป็นพื้นที่นา
ข้าวและพืชไร่ จากการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ดังนี้
5.1.1 พื้นที่แล้งซ้ำซากระดับที่ 1 เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซากเกิดซ้ำตั้งแต่ 6 ครั้งขึ้นไปในรอบ 10 ปี
เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซากที่ถือว่าเกิดขึ้นเกือบจะทุกปีพื้นที่ทางอำเภออรัญประเทศ โคกสูง และ
วัฒนานคร นับว่าสอดคล้องกับความเป็นจริงมาก ซึ่งจะประสบภาวะความแห้งแล้งเป็นประจำ มากบ้างน้อย
บ้างแตกต่างกันออกไป มีเนื้อที่แล้งซ้ำซาก 1,609 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.036 ของพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดย
พบมากที่ อำเภออรัญประเทศ มีเนื้อที่ 896 ไร่ โคกสูง มีเนื้อที่ 591 ไร่ และวัฒนานคร มีเนื้อที่ 122 ไร่
เป็นต้น แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตร ควรงดหรือลดการเพาะปลูก เป็นการลดความล่อแหลม หรือ
สภาวะการเปิดรับต่อความเสี่ยงภัยแล้ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรนอกเขตชลประทาน ดังนั้นกรณีพื้นที่
ดังกล่าวมีการปลูกพืชที่เป็นพืชอายุปีเดียว เช่น ข้าว ข้าวโพด ถ้าไม่มีแหล่งน้ำสำรองควรงดการเพาะปลูก
ในช่วงฤดูแล้ง ส่วนพืชที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปี ควรมีการเพิ่มอินทรียวัตถุในดินเพื่อเป็นการเพิ่มช่องว่างในดินทำ
ให้ดินสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ รวมถึงสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรในเรื่องของภัยแล้ง เป็นการเพิ่มศักยภาพ หรือ
ขีดความสามารถในการรับมือกับภัยแล้ง
5.1.2 พื้นที่แล้งซ้ำซากระดับ 2 เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซากเกิดซ้ำ 4-5 ครั้งในรอบ 10 ปี
บริเวณที่เกิดแล้งซ้ำซาก ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวและพืชไร่ ซึ่งจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงใน
ปัจจุบัน พื้นที่แล้งซ้ำซาก 4-5 ครั้งในรอบ 10 ปี มีเนื้อที่แล้งซ้ำซาก 110,934 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2.47 ของ
พื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพบมากที่ อำเภอโคกสูง มีเนื้อที่ 32,254 ไร่ อรัญประเทศ มีเนื้อที่ 31,405 ไร่ และตา
พระยา มีเนื้อที่ 23,949 ไร่ เป็นต้น แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตร ไม่ควรใช้ที่ดินในการทำการเกษตร
แบบพืชเดิม ควรปรับเปลี่ยนปลูกพืชชนิดอื่นหรือการผลิตในรูปแบบหรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
มากกว่า เช่นปรับเปลี่ยนการผลิตข้าวไปเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่เหมาะสม ให้สอดคล้องกับศักยภาพของ
พื้นที่และตลาด ร่วมกับการก่อสร้างบ่อน้ำในไร่นา ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อใช้ประโยชน์ช่วงในฤดูแล้ง
