Page 11 - พื้นที่แล้งซ้ำซากภาคตะวันออก
P. 11

3





                  1.6   ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน

                        การวิเคราะหเชิงพื้นท สามารถสรุปในแตละขั้นตอนไดดังนี้
                                         ี่
                                                                             ี
                                                                                         ี
                                                                   ี่
                        1.6.1 การคัดเลือกปจจัยโดยพิจารณาจากปจจัยทเกี่ยวของท่เปนปจจัยคงท่ เชนความลาดชัน
                  การระบายน้ำ ระยะหางจากลำน้ำ เปนตน
                                                            ู
                                                ื
                        1.6.2 การเตรียมขอมูลเชิงพ้นท่ เปนขอมลปจจัยตาง ๆ ในรูปแบบแผนท่ท่มีรายละเอียดและ
                                                                                         ี
                                                   ี
                                                                                        ี
                                                                ี
                  มาตราสวนทเหมาะสม ซึ่งควรเปนขอมูลที่มาตราสวนเดยวกัน พรอมทำการตรวจสอบและแกไขขอมูลเพอ
                             ี่
                                                                                               
                                                                                                        ื่
                  ความถูกตองกอนนำไปประยุกตใช
                             
                                              ็
                        1.6.3 การนำเขาและจัดเกบขอมลในระบบสารสนเทศภูมศาสตร เปนการจัดการขอมูลใหอยูใน
                                                    ู
                                                                         ิ
                  รูปแบบโครงสรางแบบราสเตอรหรือเวคเตอรตามตองการ
                        1.6.4  แปลงขอมูลสภาพภูมิอากาศ ไดแก ขอมลปริมาณน้ำฝนรายป (ยอนหลัง 10 ป) ของแตละป
                                                               ู
                                                                                  ่
                                                                                    ื
                                                                               ้
                                                  ุ
                                                 ุ
                  ทุกสถานีตรวจวัดอากาศของกรมอตนิยมวิทยาใหอยูในรูปขอมูลเชิงพืนทีเพ่อนำไปวิเคราะหรวมกับ
                  สภาพการใชทดินและความตองการน้ำของพืชรวมกันเพื่อเปนปจจัยผันแปรในการวิเคราะหรวมกับปจจัย
                              ี่
                  คงทเพื่อหาพนที่แหงแลงของแตละป หลังจากแปลงขอมูลปจจัยตาง ๆ ใหอยูในรูปแบบของฐานขอมูลใน
                     ี่
                             ื้
                  ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตรแลว นำขอมูลมาวิเคราะหโดยการซอนทบขอมูลดวยระบบสารสนเทศ
                                                                            
                                                                                ั
                  ภูมิศาสตรและกำหนดคาถวงน้ำหนักในแตละปจจัยโดยใหน้ำหนัก เรียงลำดับตามความสำคัญมากนอย
                                                              ี
                        1.6.5 วเคราะหขอมลเชิงพนที โดยใชปจจัยทมความเกียวของกับพื้นที่ศึกษาและทมีอทธิพลตอการ
                                              ้
                                                             ี่
                                                                     ่
                                                                                           ี่
                                                ่
                                                                                              ิ
                                        ู
                              ิ
                                              ื
                  เกิดพื้นที่แลงซำซากมากที่สุด มีการกำหนดคะแนนความสำคัญ ทั้ง 6 ปจจัย โดยกำหนดคาถวงน้ำหนักให
                              ้
                                      
                                                      
                  แตละปจจัย และระดับคาถวงน้ำหนักใหแตละประเภทขอมูล โดยวิธีเฉลี่ยคาคะแนนจากผูเชี่ยวชาญ และ
                  คณะกรรมการกลมของหนวยงาน จากนั้นทำการซอนทับขอมูล (Overlay) พรอมเงื่อนไขตามที่กำหนดไว  
                                 ุ
                                 
                                                                                                ี
                  ดวยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร และหาความสัมพันธของปจจัยแตละปจจัยดังกลาว ดวยวธการถวงคา
                                                                           
                                                                                               ิ
                                                                               ่
                                                                            ้
                  น้ำหนักในแตละปจจัย การประเมนพื้นที่แลงซ้ำซาก จะใชวิธีวิเคราะหพืนทีโดยระบบสารสนเทศภูมศาสตร
                                                                                                   ิ
                                              ิ
                                                                                ิ
                  และกำหนดตัวแปรจากปจจัยที่ทำใหเกิดภัยแลง สามารถแบงปจจัยในการวเคราะหออกเปน 2 กลุมปจจัย
                  คือ กลุมปจจัยคงที่ กับ กลุมปจจัยผันแปร ดังนี้
                                1) กลุมปจจัยคงท  ี่
                                                                                          ี่
                                                                                       ื้
                                                                                             ี
                                                                     ี่
                                   (1) พนทเขตชลประทาน จะเปนขอมูลทบงชี้ถึงระยะทางของพนทที่มศักยภาพในการ
                                          ี่
                                       ื้
                  ทำการเกษตรสูง แหลงน้ำตนทนมแนนอน และมีการบริหารจัดการน้ำใหเพยงพอในการใชเพอการเกษตร ซึง
                                           ุ
                                                                                             ื
                                                                               ี
                                              ี
                                                                                                         ่
                                                                                             ่
                  พื้นที่นอกเขตชลประทาน มีโอกาสประสบปญหาภัยแลงมากกวาพื้นที่ในเขตชลประทาน
                                                                        ู
                                                                                                  ี่
                                                                                                         ั
                                   (2) ระยะทางจากแหลงน้ำผิวดิน จะเปนขอมลที่บงชี้ถึงระยะทางของพื้นที่ทอยูใกลกบ
                  แหลงน้ำผิวดิน เชน แมน้ำ ลำคลอง ซึ่งหากฝนไมตกตอเนืองเปนเวลานาน พื้นทที่อยูไกลจากแหลงน้ำผิวดน
                                                                                                         ิ
                                                                 ่
                                                              
                                                                                    ี่
                                                          
                  มีความเสี่ยงตอการเกิดภัยแลง  อาจขาดน้ำเพอการเกษตรได  
                                                       ื
                                                       ่
                                   (3) ความสามารถในการอุมน้ำของดิน เปนตัวชีวัดระดบความสามารถในการเก็บกักน้ำ
                                                                          ้
                                                                               ั
                                                                ิ
                                                                            ิ
                        
                                                                                              ิ
                                                      ้
                  ไวใชได ซึ่งขึ้นอยูกับลักษณะทางกายภาพพืนฐานของดนนั้น ๆ โดยพจารณาจากคณสมบัตการระบายน้ำ
                                                                                       ุ
                                         ิ
                  ความสามารถในการอุมน้ำของดนแตละชนิด  ซึ่งมีผลตอความชื้นในดิน  และความเปนประโยชนตอการใชน้ำของพช
                                                                                                      ื
                                                                                         
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16