Page 68 - การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และสำรวจระยะไกล เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่การเกษตรภาคใต้
P. 68
58
4. การประเมินค่าปัจจัยการจัดการพืช
ค่าปัจจัยการจัดการพืช (Crop management, C-factor) เป็นดัชนีที่ได้จากอัตราส่วนของปริมาณ
การสูญเสียดินจากแปลงลดลงที่มีการปูกพืชและการจัดการพืชชนิดใดชนิดหนึ่งกับปริมาณการสูญเสียดินที่ถูก
ชะล้างมาจากแปลงทดลองที่ปล่อยให้ว่างเปล่า และไถพรวนขึ้นลงตามแนวความลาดเท ค่าปัจจัยการจัดการ
พืชเป็นค่าที่สะท้อนถึงความสำคัญ ดังนี้
1) ประสิทธิภาพของพืช คือ พื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยพืชพรรณสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของ
การชะล้างพังทลายของดินได้ พืชแต่ละชนิดมีความสามารถสกัดกั้นการตกกระแทกของฝนได้แตกต่างกัน
และช่วงเวลาในการเจริญเติบโตหรืออายุของพืชมีผลต่อการชะล้างพังทลายของดิน
2) ลักษณะการปกคลุมเรือนยอดของพืชแต่ละชนิด มีความสามารถในการปกคลุมพื้นที่ผิวดินได้มากน้อย
เพียงใด ร่วมกับพืชพรรณที่ขึ้นอยู่เหนือผิวดินและเศษซากเหลือของพืช
3) วิธีการปฏิบัติในการปลูกพืชหรือระบบการปลูกพืช โดยค่าปัจจัยการจัดการพืชในการสมการการสูญเสียดิน
สากลที่ถูกต้องนั้นจะต้องได้จากการทดลองตามธรรมชาติ ซึ่งปล่อยให้พืชพรรณเจริญเติบโตไปตามขั้นตอนและ
พฤติกรรมตามธรรมชาติของฝนที่ตกตลอดจนกรรมวิธีในการปลูกพืชแต่ละแห่ง เนื่องจากข้อมูลจากการทดลอง
ด้านนี้ ในประเทศไทยยังมีไม่มากและผลการทดลองไม่แน่ชัด จึงจำเป็นต้องอาศัยผลการทดลองจาก
ต่างประเทศมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยตามความเหมาะสม
5. การประเมินค่าปัจจัยการปฏิบัติป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน
ค่าปัจจัยการปฏิบัติป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน (Conservation Practice factor, P-factor)
เป็นปัจจัยแสดงสมรรถนะในการควบคุมการชะล้างพังทลายของดินที่ได้จากอัตราส่วนของปริมาณการสูญเสีย
ดินที่ได้จากแปลงทดลองที่มีการใช้วิธีการอนุรักษ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง กับปริมาณการสูญเสียดินจากแปลง
ทดลองที่ไถพรวนดินขึ้นลงตามความลาดชัน ในสภาพการณ์ที่เหมือนกัน การปฏิบัติป้องกันการชะล้างพังทลาย
ของดิน แบ่งออกเป็น 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่
1) การทำการเกษตรตามแนวระดับ (Contouring) รวมถึงวิธีการไถพรวน และการปลูกพืช
2) การควบคุมแนวการปลูกพืชและปรับพื้นที่เป็นคันดินเป็นการทำแนวระดับที่แน่นอนและปรับพื้นที่ลาด
ชันให้สม่ำเสมอและมีแนวการเบนน้ำออกไปจากพื้นที่ โดยคันและคูระบายน้ำไม่ให้ขังอยู่ในพื้นที่รวมถึงการใช้
เศษวัสดุของพืชในปริมาณสูงไว้ในพื้นที่เป็นแถวตามแนวระดับ
3) การปลูกพืชสลับตามแนวระดับ (Contour strip cropping) เป็นการปลูกพืชสลับเป็นแนว โดยมีความ
กว้างของแต่ละแถวเท่า ๆ กันและพืชที่ปลูกสลับจะครอบคลุมพื้นที่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
4) การทำขั้นบันได (Terracing)
วิธีสร้างชั้นข้อมูลปัจจัยการจัดการพืช (C-factor) และค่าปัจจัยการปฏิบัติป้องกันการชะล้างพังทลายของ
ดิน (P-Factor)
1) นำเข้าข้อมูลแผนที่สภาพการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน ในโปรแกรมสารสนเทศภูมิศาสตร์
แล้วจำแนกข้อมูลสภาพการใช้ที่ดินในระดับชนิดพืชให้เป็นกลุ่มพืช
2) แทนค่า C และ ค่า P ตามค่าปัจจัยการจัดการพืช P-factor ที่ได้จากผลการศึกษาของนักวิชาการ
(ตารางภาคผนวกที่ 4)
3) เก็บข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป