Page 52 - การจัดทำฐานข้อมูลและวางแผนพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำปิง
P. 52

43



                             2) แหลงน้ำตามธรรมชาติตื้นเขน
                                                      ิ
                               แหลงน้ำตามธรรมชาติขาดการเอาใจใสดูแลจากผูรับผิดชอบหรือจากชุมชนทำใหตื้นเขิน

                                                        ั
                                                                                                       ี่
                                                       ุ
                   เชน เกิดการชะลางพังทลายของดิน สาเหตอนเนื่องมาจากการทำการเกษตรผิดวิธี การใชประโยชนทดิน
                                                                           
                                                                                             ิ
                                                               ี่
                   ไมเหมาะสม การบุกรุกทำลายปา ดินและตะกอนดินทถูกชะลางลงสูแหลงน้ำนั้นจะทำใหเกดตะกอนทับถม
                                                                                      ็
                         
                                                                                                   ึ่
                                                                                         ั
                   ตามแมน้ำ ลำคลอง จึงทำใหแหลงน้ำตามธรรมชาติตื้นเขิน ประสิทธิภาพในการเกบกกน้ำลดลง ซงนำไปสู
                   ปญหาการขาดแคลนน้ำทีตามมาและยังเปนผลเสียตอการดำรงชีวิตของสัตวน้ำ
                                        ่
                             3) การทำลายปาตนน้ำลำธารและแหลงน้ำตามธรรมชาติ
                                            
                                             ึ่
                               ปจจุบันปาไมซงเปนแหลงตนน้ำลำธารถูกทำลาย พืนทีปาไมของประเทศไดลดลง
                                                                                  ่
                                                                               ้
                                                                                       
                         
                                                                         ื
                                                                                                     
                                                                         ่
                                                      ี
                   อยางตอเนื่อง จึงทำใหเกิดปญหาตามมาอกมากมาย เนื่องจากเมอฝนตกน้ำฝนบางสวนจะถูกตนไมในปา
                       ั
                                                                                ึ
                   ดูดซบไว แลวคอย ๆ ปลดปลอยใหไหลลงสูผิวดิน อีกสวนหนึ่งจะซมลงสูดินชั้นลาง การปลูกปา
                          ้
                                                                                           ้
                                                                                           ั
                                                 ่
                                              ้
                                                                          ็
                             ี่
                                                                       ั
                                                        ื่
                                                                                                ิ
                   บริเวณพืนทตนน้ำ หรือบริเวณพืนทีภูเขา เพอใหตนไมเปนตัวกกเกบน้ำตามธรรมชาติ ทงบนดนและใตดิน
                                                                                                    ั
                   แลวปลดปลอยออกมาอยางตอเนื่องตลอดป จะสามารถลดการชะลางพังทลายของดินได ลดการกดเซาะ
                            ุ
                           ี่
                                                                         
                   หนาดินทอดมสมบูรณ ลดปญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากตนไมชวยชะลอการไหลของน้ำบนผิวหนาดน
                                     
                                                                                                        ิ
                                                                                                      ่
                                                                                                      ื
                                                                        ั
                                                                              ั
                                               ี
                         ี
                   ทำใหมน้ำไหลตลอดป และการมปาไมปกคลุมดินจะชวยปองกนการกดเซาะไดดีกวาปลูกพืชชนิดอน ๆ
                                 ี
                                              ่
                                           ้
                   นอกจากนี ยังมการบุกรุกพนทีแหลงน้ำตามธรรมชาติ มการถมคู คลอง หรือทางน้ำตามธรรมชาต       ิ
                                           ื
                                                                     ี
                            ้
                                      ่
                   ทำใหพื้นทเก็บกักน้ำเพือใชประโยชนลดลง
                            ี่
                                                                         ี
                                                            ั
                             4) การใชประโยชนที่ดินไมเหมาะสมกบปริมาณน้ำทีมอยู
                                                                       ่
                                             ื
                                             ้
                                                                                    ื
                                                               ี
                                                                                           ิ
                               จากการขยายพนทีเกษตรกรรมและมการใชตอเนื่องตลอดปเพอการเพ่มผลผลิต ทำใหม    ี
                                                                                    ่
                                                ่
                                                                 ุ
                                                ื้
                                                                     ี
                                                  ี่
                                                                                       
                             ิ่
                                   ้
                                                                                           ็
                   การใชน้ำเพมมากขึน โดยเฉพาะพนทตนน้ำ จึงเปนเหตใหมปริมาณน้ำทาไหลลงอางเกบน้ำ หรือปริมาณ
                                                      ิ
                                                                                            ิ
                                                                                       
                                                                              ี
                                                                              ่
                                                                           ้
                   น้ำทาตอนลางลดลง ซงเปนสาเหตุใหเกดการขาดแคลนน้ำในพืนทตอนลางกอใหเกดความเสียหาย
                                       ึ่
                                                                                            
                   อยางรุนแรงทังดานการเกษตรกรรม การอตสาหกรรม และความรุนแรงอาจเพิ่มมากขึนไมเฉพาะในฤดูแลง
                                                      ุ
                              ้
                                                                                         ้
                                                                                                   ่
                                                                                                   ี
                                                              ึ
                                                                                 ี่
                   เทานั้น ดังนั้นการใชประโยชนทดินจึงตองคำนึงถงประเภทของการใชทดินและปริมาณน้ำทตองการ
                                               ี่
                     
                                                     
                               
                     ่
                           ั
                   เพือปองกนไมใหผลผลิตเกิดความเสียหายและเกิดการขาดแคลนน้ำ
                             5) การขยายตัวของแหลงชุมชนและแหลงอุตสาหกรรม
                                                                                            ั
                                                                                               ่
                               ปญหาความหนาแนนของประชากรและขยายตัวของชุมชน เปนปญหาสำคญทีสงผลกระทบ
                                                                                 
                             ื
                                                                               
                                                                                  ี
                                                                             ่
                   ตอชุมชนเมอง โดยเฉพาะความหนาแนนและการขยายตวของชุมชนทีไมไดมการวางแผนรองรับ เกดจาก
                                                                                                     ิ
                                                                  ั
                                                                                                ุ
                                                                                
                    ั
                                                                                              ่
                                                                                           ้
                              ่
                                                                                              ี
                                                                                   
                                                             ่
                                                                ้
                   อตราการเพิมของประชากรอยางรวดเร็ว การเพิมขึนของแหลงงาน ไดแก บริเวณพืนทอตสาหกรรม
                                      ่
                       ี
                                                                         ื้
                   จะมการอพยพยายถินของประชากรจำนวนมากเขามายังพนทดังกลาวอยางรวดเร็ว ทำใหเกด
                                                                                                        ิ
                                                                             ี่
                                                                            ู
                                                                                    
                   ความหนาแนนของประชากร ทำใหระบบสาธารณูปโภค สาธารณปการไมพอเพียงตอความตองการ
                          ิ
                    
                                                                                          ้
                   กอใหเกดปญหาสิ่งแวดลอมในดานตาง ๆ  เชน ปญหามลภาวะทางน้ำ ปริมาณน้ำทิงและความสกปรก
                                                      ่
                                               ิ
                   จะเพิ่มขึ้นอยางเปนสัดสวน ทำใหเกดความเสือมโทรมของทรัพยากรน้ำ ขาดน้ำทสะอาดใช ในการอปโภคบริโภค
                                                                                  ่
                                                                                                ุ
                                                                                  ี
                   ภายในชุมชน ทำใหมน้ำใชไมเพียงพอตอความตองการในชุมชนเปนปญหาการขาดแคลนน้ำ
                                    ี
                                           
                                             
                       3.5.5 พื้นทแลงซ้ำซากในลุมน้ำปง
                                 ี่
                                       
                                            ่
                                                                                                 
                                                             
                                          ู
                             จากการนำขอมลทีไดจากการประยุกตใชระบบสารสนเทศ มาวิเคราะหดวยปจจัยตาง ๆ ไดแก  
                                                                                         
                   ขอมลปริมาณน้ำฝน ขอมลกลุมชุดดิน ขอมลการใชทดิน ขอมูลดัชนีความแหงแลง ทีเปนปจจัย
                                                           ู
                                                                    ี่
                                          ู
                                                                                                ่
                       ู
                                                             
                                                                                      
                                                  ื่
                                                           ่
                   ในการเกดสภาวะแหงแลง พรอมดวยเงอนไขตามทไดกำหนดไวโดยวิธีการกำหนดคาถวงน้ำหนักในแตละปจจัย
                          ิ
                                                                                    
                                                           ี
                                                                                                   
                                                                                                      ี่
                   ทีมความสัมพนธหรือเกยวของ ในการทำใหเกดแลงซำซาก พรอมกบขอมลการสำรวจในพนทจริง
                                                                                                   ื้
                                                                              ั
                      ี
                                                                  ้
                               ั
                                                                                    ู
                                                           ิ
                     ่
                                        ี่
                                                                                                       ้
                                                                                                       ื
                                 ่
                     ื่
                              ้
                                                                   
                   เพอกำหนดพืนทีแลงซ้ำซาก ในรอบ 10 ปทผานมา (ตั้งแต พ.ศ. 2555 - 2564) และสามารถแบงระดบพนที ่
                                                                                                    ั
                                                       ี่
                   แลงซ้ำซากไดเปน 3 ระดับ ดังนี้
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57